การสื่อสารในการประชุม
การประชุม คือ การที่บุคคลกลุ่มหนึ่งมาพบกันด้วยวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือหลายอย่างในระหว่างการประชุม ผู้เข้าประชุมแต่ละคนอาจเป็นได้ทั้งผู้ส่งสาร และ ผู้รับสาร
สาร ที่ปรากฏในที่ประชุมอาจแบ่งได้ 2 ประเภท คือ สารของผู้เข้าประชุมเป็นส่วนตัว และสารของผู้เข้าร่วมประชุมที่เป็นส่วนรวม ที่เรียกว่า มติของที่ประชุม
สื่อ ที่ใช้ในการประชุมมีหลายชนิดแล้วแต่ขนาดและลัษณะของการประชุม
ภาษา เป็นเครื่องมือสำคัญในการสื่อสารที่ใช้ในการประชุม จึงควรทำความเข้าใจศัพท์เฉพาะในการประชุมประเภทต่างๆ และสามารถใช้ภาษาได้อย่างถูกต้อง
ศัพท์เฉพาะในการประชุม
- ศัพท์ที่ใช้เรียกรูปแบบ ของการประชุม รูปแบบของการประชุมแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ
1. การประชุมเฉพาะกลุ่ม เป็นการประชุมเฉพาะผู้มีสิทธิ์และหน้าที่เข้าประชุมเท่านั้น หรืออาจมีผู้ได้รับเชิญเป็นกรณีพิเศษก็ได้ เช่น การปชุมคณะกรรมการหรืออนุกรรมการ
การประชุมกลุ่มมีทั้งการประชุมตามปกติและการประชุมพิเศษ
การประชุมเฉพาะกลุ่มที่มีรูปแบบย่อยๆและเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย มีดังนี้
การประชุมปรึกษา เป็นการประชุมของกลุ่มบุคคลที่มีภารกิจร่วมกัน
การสัมมนาหรือการประชุมสัมมนา เป็นการประชุมเฉพาะกลุ่มตามหัวข้อที่กำหนดเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดและประสบการณ์
2. การประชุมสาธารณะ คือ การที่ประชุมที่เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกเข้าร่วมฟัง ซักถาม และแสดงความคิดเห็นในประเด็นต่างๆตามหัวข้อการประชุมด้วย
- ศัพท์ที่ใช้เรียกบุคคล ที่เกียวข้องกับการประชุม การประชุมทุกรูปแบบมีบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย จึงมีชื่อเรียกเป็นศัพท์เฉพาะที่เราควรทราบ ดังนี้
ผู้จัดประชุม คือ ผู้ริเริ่มให้เกิดการประชุมขึ้น อาจเป็นบุคคลหรือคณะกรรมการ
ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมประชุม ได้แก่ บุคคลที่ได้รับเชิญหรือได้รับการแต่งตั้งให้เข้าประชุมหรือมีสิทธิ์เข้าร่วมประชุมได้
ผู้เข้าประชุม คือ ผู้มีสิทธิ์เข้าประชุมที่ได้มาปรากฏตัวอยู่ ณ ที่ประชุมนั้นและพร้อมที่จะร่วมแสดงความคิดเห็นในการประชุม
องค์ประชุม ผู็มีสิทธิ์เข้าประชุมตามข้อบังคับ ถ้าผู้ประชุมยังมาไม่ครบตามจำนวนที่กำหนดไว้ก็ถือว่ายังไม่ครบองค์ประชุม การประชุมจะดำเนินการไม่ได้
***** ในการประชุมเฉพาะกลุ่ม ผู้มีสิทธิ์เข้าประชุม มีตำแหน่งหน้าที่ต่างๆกัน ดังนี้
ประธาน คือ ผู้ทำหน้าที่ควบคุมการประชุมทั้งหมด
รองประธาน คือ ผู้ทำหน้าที่แทนประธานเมื่อประธานไม่อยู่
เลขานุการ คือ บันทึกรายงานการประชุมและอำนวยความสะดวกต่างๆ
ผู้ช่วยเลขานุการ คือ ผู้ทำหน้าที่ช่วยเลขานุการ
กรรมการ คือ ผู้ทำหน้าที่พิจารณาเรื่องที่อยู่ในวาระการประชุม
เหรัญญิก คือ ผู้ทำหน้าที่รับผิดชอบด้านการเงิน
ประชาสัมพันธ์ คือ ผู้ทำหน้าที่เผยแพร่ข่าวสารและสร้างสรรค์ควาสัมพันธ์ที่ดีแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ประธานฝ่ายหาทุน คือ ผู้ทำหน้าที่หาทุุนให้แก่องค์การเพื่อใช้จ่ายในกิจกรรมต่างๆ
ประธานฝ่ายวิชาการ คือ ผู้ทำหน้าที่จัดกิจกรรมและงานด้านวิชาการต่างๆ
***** ในการประชุมสาธารณะ คำ ประธาน มีความหมายเป็น 2 นัย คือ
ประธานในพิธีเปิดและปิดการประชุม ซึ่งมักจะเป็นผู้อาวุโส มีตำแหน่งสูง ประธานในพิธีเปิดและปิดไม่มีหน้าที่โดยตรงในการควบคุมการประชุม
ประธานที่ทำหน้าที่ควบคุมการประชุม ผู้จัดประชุมจะกำหนดตัวบุคคลเพื่อทำหน้าที่เป็นช่วงๆไปตามที่กำหนดไว้ในลำดับของการประชุม
พิธีกร เป็นผู็ดูแลความเรียบร้อยของที่ประชุม
ที่ประชุม คือ บุคคลผู้เข้าประชุมทั้งหมด แต่ไม่รวมถึงผู้จัดประชุม
- ศัพท์ที่ใช้เรียกวิธีสื่อสารในการประชุม มีดังนี้
เสนอ คือ บอกให้ที่ประชุมพิจารณาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ข้อเสนอ คือ ข้อความที่เสนอทั้งหมด ทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษรหรือวาจา
สนับสนุน คือ แสดงความเห็นด้วยกับข้อเสนอ
คัดค้าน คือ การแสดงความไม่เห็นด้วย หรืออาจขอแก้ไขในบางส่วน
อภิปราย คือ การแสดงความคิดเห็นทั้งสนับสนุนและคุดค้านอย่างมีเหตุผลประกอบ
ผ่านและตก คือ ข้อเสนออาจเป็นที่ยอมรับหรือไม่ยอมรับของที่ประชุม ถ้าที่ประชุมยอมรับเรียกว่า ผ่าน ถ้าที่ประชุมไม่ยอมรับเรียกว่า ตก
มติของที่ประชุม คือ ข้อตัดสินใจของที่ประชุมเพื่อให้นำไปปฏิบัติ มติของที่ประชุมอาจเป็น มติเอกฉันท์ ซึ่งหมายความว่าผู้เข้าร่วมประชุมเห็นพ้องต้องกันทุกคน หรือ มติโดยเสียงข้างมาก ซึงหมายความว่าผู้เข้าร่วมประุมส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการตัดสินใจนั้น
การประชุมกลุ่มมีทั้งการประชุมตามปกติและการประชุมพิเศษ
การประชุมเฉพาะกลุ่มที่มีรูปแบบย่อยๆและเป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลาย มีดังนี้
การประชุมปรึกษา เป็นการประชุมของกลุ่มบุคคลที่มีภารกิจร่วมกัน
การสัมมนาหรือการประชุมสัมมนา เป็นการประชุมเฉพาะกลุ่มตามหัวข้อที่กำหนดเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ ความคิดและประสบการณ์
2. การประชุมสาธารณะ คือ การที่ประชุมที่เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกเข้าร่วมฟัง ซักถาม และแสดงความคิดเห็นในประเด็นต่างๆตามหัวข้อการประชุมด้วย
- ศัพท์ที่ใช้เรียกบุคคล ที่เกียวข้องกับการประชุม การประชุมทุกรูปแบบมีบุคคลที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย จึงมีชื่อเรียกเป็นศัพท์เฉพาะที่เราควรทราบ ดังนี้
ผู้จัดประชุม คือ ผู้ริเริ่มให้เกิดการประชุมขึ้น อาจเป็นบุคคลหรือคณะกรรมการ
ผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมประชุม ได้แก่ บุคคลที่ได้รับเชิญหรือได้รับการแต่งตั้งให้เข้าประชุมหรือมีสิทธิ์เข้าร่วมประชุมได้
ผู้เข้าประชุม คือ ผู้มีสิทธิ์เข้าประชุมที่ได้มาปรากฏตัวอยู่ ณ ที่ประชุมนั้นและพร้อมที่จะร่วมแสดงความคิดเห็นในการประชุม
องค์ประชุม ผู็มีสิทธิ์เข้าประชุมตามข้อบังคับ ถ้าผู้ประชุมยังมาไม่ครบตามจำนวนที่กำหนดไว้ก็ถือว่ายังไม่ครบองค์ประชุม การประชุมจะดำเนินการไม่ได้
***** ในการประชุมเฉพาะกลุ่ม ผู้มีสิทธิ์เข้าประชุม มีตำแหน่งหน้าที่ต่างๆกัน ดังนี้
ประธาน คือ ผู้ทำหน้าที่ควบคุมการประชุมทั้งหมด
รองประธาน คือ ผู้ทำหน้าที่แทนประธานเมื่อประธานไม่อยู่
เลขานุการ คือ บันทึกรายงานการประชุมและอำนวยความสะดวกต่างๆ
ผู้ช่วยเลขานุการ คือ ผู้ทำหน้าที่ช่วยเลขานุการ
กรรมการ คือ ผู้ทำหน้าที่พิจารณาเรื่องที่อยู่ในวาระการประชุม
เหรัญญิก คือ ผู้ทำหน้าที่รับผิดชอบด้านการเงิน
ประชาสัมพันธ์ คือ ผู้ทำหน้าที่เผยแพร่ข่าวสารและสร้างสรรค์ควาสัมพันธ์ที่ดีแก่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ประธานฝ่ายหาทุน คือ ผู้ทำหน้าที่หาทุุนให้แก่องค์การเพื่อใช้จ่ายในกิจกรรมต่างๆ
ประธานฝ่ายวิชาการ คือ ผู้ทำหน้าที่จัดกิจกรรมและงานด้านวิชาการต่างๆ
***** ในการประชุมสาธารณะ คำ ประธาน มีความหมายเป็น 2 นัย คือ
ประธานในพิธีเปิดและปิดการประชุม ซึ่งมักจะเป็นผู้อาวุโส มีตำแหน่งสูง ประธานในพิธีเปิดและปิดไม่มีหน้าที่โดยตรงในการควบคุมการประชุม
ประธานที่ทำหน้าที่ควบคุมการประชุม ผู้จัดประชุมจะกำหนดตัวบุคคลเพื่อทำหน้าที่เป็นช่วงๆไปตามที่กำหนดไว้ในลำดับของการประชุม
พิธีกร เป็นผู็ดูแลความเรียบร้อยของที่ประชุม
ที่ประชุม คือ บุคคลผู้เข้าประชุมทั้งหมด แต่ไม่รวมถึงผู้จัดประชุม
- ศัพท์ที่ใช้เรียกวิธีสื่อสารในการประชุม มีดังนี้
เสนอ คือ บอกให้ที่ประชุมพิจารณาเรื่องใดเรื่องหนึ่ง
ข้อเสนอ คือ ข้อความที่เสนอทั้งหมด ทั้งที่เป็นลายลักษณ์อักษรหรือวาจา
สนับสนุน คือ แสดงความเห็นด้วยกับข้อเสนอ
คัดค้าน คือ การแสดงความไม่เห็นด้วย หรืออาจขอแก้ไขในบางส่วน
อภิปราย คือ การแสดงความคิดเห็นทั้งสนับสนุนและคุดค้านอย่างมีเหตุผลประกอบ
ผ่านและตก คือ ข้อเสนออาจเป็นที่ยอมรับหรือไม่ยอมรับของที่ประชุม ถ้าที่ประชุมยอมรับเรียกว่า ผ่าน ถ้าที่ประชุมไม่ยอมรับเรียกว่า ตก
มติของที่ประชุม คือ ข้อตัดสินใจของที่ประชุมเพื่อให้นำไปปฏิบัติ มติของที่ประชุมอาจเป็น มติเอกฉันท์ ซึ่งหมายความว่าผู้เข้าร่วมประชุมเห็นพ้องต้องกันทุกคน หรือ มติโดยเสียงข้างมาก ซึงหมายความว่าผู้เข้าร่วมประุมส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการตัดสินใจนั้น
การอภิปราย
หลักเกณฑ์ในการอภิปรายมี 5 ประการ
1. การอภิปรายเป็นการใช้ความคิดร่วมกับผู้อื่น มีการลำดับขั้นตอนในการคิดดังนี้
ขั้นที่ 1 ผู้ร่วมอภิปรายพยายามร่วมกันทำความเข้าใจในตัวปัญหาให้ตรงกัน
ขั้นที่ 2 เมื่อเข้าใจปัญหาตรงกันแล้ว ก็ช่วยกันพิจารณาปัญหานั้นแยกประเด็นที่เกี่ยวพันกัน แยกสาเหตุต่างๆที่ทำให้เกิดปัญหา
ขั้นที่ 3 ผู้ร่วมอภิปรายช่วยกันเสนอแนะแนวทางแก้ปัญหาด้วยวิธีการต่างๆ พิจารณาดูข้อดีข้อเสียของวิธีการแก้ปัญหา
ขั้นที่ 4 แนะทางปฏิบัติข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหา
2. มีผู้นำอภิปรายเพื่อคอยกำกับให้การอภิปรายดำเนินไปสู่จุดมุ่งหมายที่ต้องการจะแก้ปัญหา
3. ผู้อภิปรายอาจเปลี่ยนความคิดเห็นของตนเองได้ ขึ้นอยู่กับเหตุผลและข้อเท็จจริงต่างๆ
4. การอภิปรายควรมีการเตรียมข้อมูลไว้ก่อน เพื่อให้ได้ข้อมูลที่จะนำมาพิจารณาร่วมกัน
5. การอภิปราย ผู้อภิปรายต้องมีสมรรถภาพในการพูดและการฟังเป็นพิเศษ
ประเภทของการอภิปราย
การอภิปรายแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ
1. การอภิปรายอย่างกันเอง มีลักษณะคล้ายกับการสนทนากันเป็นกลุ่ม
2. การอภิปรายในการประชุมศึกษา การอภิปรายประเภทนี้จะทำอย่างมีแบบแผน
การอภิปรายที่นิยม อาจจัดเป็นคณะและการอภิปรายเชิงบรรยายก็ได้หลายรูปแบบ เช่น
การอภิปรายเป็นคณะ และ การอภิปรายเชิงบรรยายหรือการแลกเปลี่ยนความรู้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น